Contact Us:

670 Lafayette Ave, Brooklyn,
NY 11216

+1 800 966 4564
+1 800 9667 4558

บทนำ
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ด้วยอัตราการเติบโตที่ต่ากว่า 2% อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่เพื่อให้เติบโตเกิน 5% โดยเร็ว ท่ามกลางการพึ่งพาแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติสูง และปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเสียหาย Samong SuperApp Ecosystem ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่จะเป็น “แผ่นดินดิจิทัล” สัญชาติไทย โดยมีนายสันติ จันทโชติ เป็นผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมหลักและเทคโนโลยี iSTEE Agentic Application Platform™ โครงการนี้มุ่งหวังที่จะนำเสนอแนวทางใหม่ที่แตกต่างในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริม “การพัฒนามนุษย์โดยใช้ AI เป็นเครื่องมือ” เพื่อสร้างความสมดุลในชีวิตและงานในยุค AI

  1. Samong SuperApp Ecosystem กับการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย (Disruption)
    Samong SuperApp มีเป้าหมายที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงพลิกโฉม (Disruption) ให้กับเศรษฐกิจไทยในหลายมิติ:
    • เทคโนโลยี iSTEE และ AI เป็นแกนหลัก: “เทคโนโลยี iSTEE Agentic Application Platform™ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์และพัฒนาโดยคนไทย ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างและปรับแต่งแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว” โดยมีการนำ AI มาใช้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ “ระบบสติของฉัน” (Mindfulness as a Service – MaaS) ซึ่งเป็น Agentic AI คู่คิดชีวิตส่วนบุคคลที่จะ “Disrupt วิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและการเรียนรู้ตลอดชีวิตแบบเดิมๆ”
    • โมเดล “100 Ecosystem Hubs”: การออกแบบ 100 Ecosystem Hubs เป็นธุรกิจ Software as a Service (SaaS) หรือ Digital Platform Service Business ที่แยกตามสาขาอาชีพ และ “แต่ละ Hub พร้อมทางาน 127 Instances (77 จังหวัด + 50 เขต กทม.) เพื่อกระจายโหลด” ทาให้เกิดระบบนิเวศที่หลากหลาย เข้าถึงได้ในระดับพื้นที่ และขับเคลื่อนโดยผู้ที่เข้าใจปัญหาและความต้องการของตนเอง
    • ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติ (Digital Sovereignty): หนึ่งในเป้าหมายหลักคือ “การสร้าง ‘อธิปไตยทางดิจิทัล’ เพื่อลดการรั่วไหลของรายได้ไปยังแพลตฟอร์มต่างชาติให้มากที่สุด” การมี “แผ่นดินดิจิทัล” ของตนเองจะช่วยให้ SME และผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ดีขึ้น
    • สร้างโมเดลธุรกิจและโอกาสใหม่: ส่งเสริม Tech Startup ผ่านโมเดล “Technology for Equity” และ Samong Studio/SandBox ซึ่งเป็นการพลิกโฉมรูปแบบการลงทุนและการเริ่มต้นธุรกิจแบบเดิมๆ
  2. ศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ระยะสั้นและระยะยาว)
    Samong SuperApp มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว:
    กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น:
    • การลงทุนเริ่มต้นและการจ้างงาน: การมี 100 Hubs พร้อมทดสอบแสดงว่ามีการลงทุนและจ้างงานแล้ว หากมีการลงทุนสร้าง Tech Startup แต่ละ Hub 10 ล้านบาท จะเกิดการลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท สร้างเม็ดเงินหมุนเวียน
    • การสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่าน Hubs แรกเริ่ม: เมื่อ Hubs เปิดให้บริการ จะเกิดกิจกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า/บริการ และการใช้เครื่องมือดิจิทัลโดย SME ซึ่งช่วยลดขั้นตอน ต้นทุน และคนกลาง
    • อุดรูรั่ว เพิ่มรายได้ และเงินหมุนเวียนเร็วขึ้น: “การเริ่มใช้แพลตฟอร์มไทย แม้จะในระดับเริ่มต้น ก็เป็นการเริ่ม ‘อุดรูรั่ว’ การจ่ายค่าโฆษณาหรือค่าธรรมเนียมให้แพลตฟอร์มต่างชาติ และทาให้เงินเริ่มหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น”
    • ข้อจากัดในระยะสั้น: ผลกระทบจะยังจากัด เนื่องจากต้องใช้เวลาในการพัฒนา Hubs ให้เต็มรูปแบบ สร้างการรับรู้ และดึงดูดผู้ใช้งานจานวนมาก
    แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างในระยะยาว:
    • สร้างอธิปไตยทางดิจิทัล (Digital Sovereignty): ลดการพึ่งพาต่างชาติ และส่งเสริมการผลิต/ขายดิจิทัลแพลตฟอร์มออกต่างประเทศ
    • สร้าง New S-Curve และอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย: “สมองไทยแลนด์” มุ่งมั่นส่งมอบ Samong SuperApp ให้แต่ละสาขาอาชีพ เป็น “พื้นที่เพาะปลูกนวัตกรรมและธุรกิจดิจิทัล” สนับสนุน Tech Startups และ 100 Ecosystem Hubs
    • เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคการผลิตและ SME: ยกะดับภาคเกษตร อุตสาหกรรม และ SME/ผู้ประกอบการรายย่อย ให้เข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลทันสมัย ลดขั้นตอน ต้นทุน และคนกลาง
    • พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการเรียนรู้ตลอดชีวิต: “ระบบสติของฉัน” (MaaS) สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านกรอบ DIKW และเป็น Learning Experience Platform (LXP) นอกจากนี้ยังมี Hubs ด้านการศึกษา เช่น Samong Learn และ Samong Skill
    • กระจายการพัฒนาสู่ระดับพื้นที่และลดความเหลื่อมล้า: การออกแบบให้แต่ละ Hub ทางานได้ 127 Instances ครอบคลุมทุกจังหวัด/เขตใน กทม. และแนวคิดการลงทุน 1 Ecosystem ต่อจังหวัด จะกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ
    • ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยข้อมูลอย่างมีอธิปไตย: การมี “แผ่นดินดิจิทัล” ของตนเองทาให้บริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในประเทศได้อย่างมีอธิปไตย
    • สร้างเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy): เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงผู้ให้บริการรายย่อย ผู้ประกอบการอิสระ และผู้มีทักษะเฉพาะทาง ตัวอย่างเช่น Samong Freelance, Samong CoSpace, Samong ArtCraft, Samong Music, Samong Film, และ Samong Design
  3. “ระบบสติของฉัน” (Mindfulness as a Service – MaaS): หัวใจสาคัญของการพัฒนามนุษย์
    “ระบบสติของฉัน” เป็นบริการพื้นฐานใน Samong SuperApp ที่มุ่งเน้นการพัฒนามนุษย์ในยุค AI โดยการผสมผสานการจัดการข้อมูลส่วนตัวเข้ากับการเจริญสติ:
    ปรัชญาและหลักการสาคัญ:
    • บูรณาการและเป็นหนึ่งเดียว: รวมทุกการบันทึกและบริการที่จำเป็นไว้ในแอปพลิเคชันเดียว
    • ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูงสุด: เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัย ใช้ Decentralized Database ปราศจากโฆษณา และป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
    • ความยั่งยืนเพื่ออนาคต: เก็บรักษาประสบการณ์ชีวิต ข้อมูลสาคัญ และความทรงจำได้นานหลายสิบปี
    • การจัดระเบียบอย่างมีสติและชาญฉลาด: มีเครื่องมือจัดหมวดหมู่ข้อมูลมาตรฐาน และผู้ใช้กาหนดเองได้
    • การเรียนรู้และพัฒนาปัญญา (DIKW & LXP): “นากรอบแนวคิด DIKW (Data, Information, Knowledge, Wisdom) มาใช้เพื่อการพัฒนาตนเองและการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และเป็น LXP (Learning Experience Platform)”
    • การบริหารจัดการกระบวนการและเป้าหมาย (Process Management & OKRs): ทุกรายการข้อมูลมีระบบบันทึก OKRs เพื่อกาหนดจุดประสงค์และติดตามผลลัพธ์
    • การเจริญสติในปัจจุบันขณะ: มีกลไกช่วยเตือนให้ผู้ใช้มีสติรู้ตัวอยู่กับปัจจุบัน
    • การจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ปลอดภัย: เป็นแพลตฟอร์มสื่อกลางเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ปลอดภัย
    “บันทึกสมดุลชีวิต ด้วยระบบสติของฉัน”: เครื่องมือประเมินและพัฒนาตนเองรอบด้าน
    • ผู้ใช้สามารถประเมินความสมดุลในด้านต่างๆ ของชีวิต เช่น การงาน การเงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง หรือการสร้างสรรค์นวัตกรรม
    • ทางานร่วมกับ “ระบบสติของฉัน” เพื่อนำข้อมูลไปสู่ความรู้และปัญญา (DIKW)
    • กระบวนการ “สติเห็นรู้…คิด | วางแผน | ลงมือทา”: เป็นกรอบการทำงานเชิงรุกที่ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มต้นจากการ “เห็น” และ “รู้” สถานการณ์ตามความเป็นจริง แล้วจึง “คิด” วิเคราะห์ “วางแผน” กาหนดเป้าหมาย (เช่น OKRs) และ “ลงมือทำ” อย่างมีสติ
    ประโยชน์ต่อการพัฒนามนุษย์ในยุค AI:
    • “ระบบสติของฉัน” ช่วยเสริมสร้างทักษะแห่งอนาคตที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้ ได้แก่:
    • การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness): รากฐานสาคัญที่ทาให้มนุษย์โดดเด่นและตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ
    • การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา (Critical Thinking & Problem Solving): ผ่านกระบวนการ “สติเห็นรู้…คิด | วางแผน | ลงมือทา”
    • ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity & Innovation): กระตุ้นผ่านการสำรวจด้านนวัตกรรมและการตั้งเป้าหมาย
    • ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence): การมีสติรู้ทันอารมณ์ตนเองและเข้าใจผู้อื่น
  4. “บริการมีอะไรใหม่” (What’s New as a Service): นวัตกรรมเพื่อการรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติ
    “บริการมีอะไรใหม่” เป็นนวัตกรรมล่าสุดใน “ระบบสติของฉัน” ที่มุ่งช่วยให้ผู้ใช้รับมือกับข้อมูลที่หลั่งไหลและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว:
    • ไม่ใช่แค่ “มีอะไรใหม่” แต่คือ “อะไรเปลี่ยนไป และสำคัญกับคุณอย่างไร”: “หัวใจสำคัญของ ‘บริการมีอะไรใหม่’ นี้ ไม่ใช่การรวบรวม ‘ทุกอย่างที่ใหม่’ แต่เป็นการเน้นที่ ‘การเปลี่ยนแปลง’ ที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับคุณโดยเฉพาะ” ระบบจะตรวจจับ วิเคราะห์ และคัดกรองการเปลี่ยนแปลงเทียบกับองค์ความรู้ เป้าหมาย โครงการ หรือความสนใจที่ผู้ใช้ตั้งค่าไว้
    • “การอัปเดต” ที่ออกแบบมาเพื่อคุณคนเดียว: “บริการมีอะไรใหม่’ จึงให้ความสำคัญสูงสุดกับการปรับแต่งเฉพาะบุคคล เพื่อให้สิ่งที่นำเสนอคือสิ่งที่ ‘ใช่’ และ ‘จำเป็น’ สำหรับคุณจริงๆ”
    • ฐานข้อมูลอัจฉริยะเพื่อความเข้าใจข้ามกาลเวลา: ข้อมูล “การเปลี่ยนแปลง” ที่สำคัญจะถูกจัดเก็บเป็นระบบในโฟลเดอร์ใน “ระบบสติของคุณ” ช่วยให้ทบทวนบทเรียนจากอดีต เข้าใจสภาวะปัจจุบัน และคาดการณ์แนวโน้มอนาคตได้
    • ผลลัพธ์ที่ชัดเจน: ช่วยให้ “เท่าทันทุกการเปลี่ยนแปลงสาคัญ”, “ตัดสินใจเฉียบคมบนข้อมูลที่ใช่”, “เพิ่มประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด”, “ลดความเครียดและความสับสน”, “จิตใจสงบเย็นและเป็นสุข”, และ “สร้างประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ”
    • กลไกอัจฉริยะที่ทางานเพื่อคุณ: ผู้ใช้สามารถกำหนด “ประเภท” ของการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการติดตาม “แหล่งข้อมูล” ที่เชื่อถือได้ และ “ระดับความสำคัญ” ของการแจ้งเตือน “AI (เช่น Gemini, ChatGPT) – ผู้ช่วยวิเคราะห์และสรุปผลกระทบ” จะช่วยตรวจจับ สรุปสาระสาคัญ และชี้ให้เห็นถึงผลกระทบ ทาให้ประหยัดเวลาและเข้าใจได้ทันที
  5. “การพัฒนามนุษย์โดยใช้ AI เป็นเครื่องมือ” และบทบาทของ Samong SuperApp
    แนวคิดนี้เปรียบเทียบความท้าทายในการปรับตัวของมนุษย์และองค์กรในยุค AI กับ “การข้ามลำน้ำที่เชี่ยวกรากและลึกกว่าเดิม” โดย Samong SuperApp ถูกวางตาแหน่งให้เป็นเครื่องมือสาคัญ (Enabler) ในกระบวนการปรับตัวนี้:
    การวิเคราะห์สถานการณ์และปัญหา:
    • เป้าหมายที่ไม่หยุดนิ่ง: สภาพแวดล้อมและบริบทเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้เป้าหมายต้องปรับเปลี่ยน
    • ความจริงของการเปลี่ยนแปลง: ทั้งปัจจัยภายนอก (เทคโนโลยี, AI) และภายใน (ทัศนคติ, ความต้องการ) ทำให้การปรับตัวเป็นสิ่งจำเป็น
    • วิกฤติและความท้าทายที่รุนแรงขึ้น: AI ทำให้ผลกระทบขยายวงกว้างและรุนแรงขึ้น เปรียบเสมือนลำน้ำที่ลึกและกว้างขึ้น
    • ความจำเป็นในการปรับตัว (Transformation): การปรับตัวจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร
    กระบวนการแก้ปัญหาและการปรับตัว:
    • เริ่มต้นด้วยสติ (มีสติ รู้ตัว): ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดคือการตระหนักรู้สถานการณ์ปัจจุบัน
    • การปรับตัวที่รอบด้านและต่อเนื่อง: ปรับวิธีการทางาน (How-to), ปรับวิธีคิด (Mindset), ลงมือทำต่อเนื่องเพื่อสร้างข้อมูล และเผชิญปัญหาใหม่ๆ ระหว่างทาง
    • บทบาทของ Samong SuperApp ในการสนับสนุนการปรับตัว:
    • ก่อนปรับตัว: “ระบบสติของฉัน” ช่วยบุคคลให้ “มีสติ รู้ตัว” เข้าใจสถานการณ์ของตนเอง กำหนดเป้าหมายใหม่ ส่วน “ระบบหน่วยธุรกิจ” ช่วยองค์กรวิเคราะห์สถานะปัจจุบัน ประเมินผลกระทบ และวางแผนกลยุทธ์
    • ระหว่างปรับตัว: เป็นแพลตฟอร์มกลางในการจัดการกระบวนการเปลี่ยนแปลง สนับสนุนการทางานร่วมกัน และเป็นแหล่งรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์/ปรับปรุง
    • หลังปรับตัว: ช่วยประเมินผลลัพธ์ สนับสนุนการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของ Digital Ecosystem ที่เอื้อต่อการพัฒนาต่อยอด

    • บทสรุป
      Samong SuperApp Ecosystem ซึ่งมีรากฐานทางสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดยนายสันติ จันทโชติ นำเสนอวิสัยทัศน์ที่ท้าทายและมีศักยภาพในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศไทยในระยะยาว โดยอาศัยแนวทางการสร้าง Disruption ผ่านเทคโนโลยี iSTEE และ AI, การสร้าง “แผ่นดินดิจิทัล” ของตนเอง, และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากผู้คนในแต่ละสาขาอาชีพและพื้นที่ รวมถึงการสนับสนุนเศรษฐกิจแบ่งปันและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
      แม้ผลกระทบในระยะสั้นอาจยังจำกัด แต่หากสามารถดำเนินการได้ตามแผนและเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้สาเร็จ โครงการนี้มีโอกาสที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สาคัญ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและทั่วถึงในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้เติบโตมากกว่า 5% โดยเร็ว หลังจาก 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจำเป็นต้องมีวิธีการใหม่ที่แตกต่างจากเดิมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต. “เพราะเป้าหมายสูงสุดของเราคือการสนับสนุนให้คุณมีชีวิตที่ ‘สงบเย็น และเป็นประโยชน์’ ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ผ่านนวัตกรรมใน ‘ระบบสติของฉัน'”.

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *